สโมสรฟุตบอลเชลซี (อังกฤษ: Chelsea Football Club) เป็นทีมฟุตบอลในอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดมาแล้ว 4 ครั้ง รวมฤดูกาลล่าสุด (2009-10) เป็นแชมป์ เอฟเอคัพ 9 ครั้ง แชมป์ ลีกคัพ 8 ครั้ง, แชมป์ ยูฟ่าคัพ 10 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1 ครั้ง สนามเหย้าของทีมคือ สแตมฟอร์ด บริดจ์ จุผู้ชมได้ 42,055 คน ตั้งอยู่ในเขตชุมชนฟูแลมบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองลอนดอน ทีมฟุตบอลเชลซีไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตชุมชนเชลซี แต่ตั้งอยู่บนถนนฟูแลม ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเขตฟูแลมและเขตเชลซี
ประวัติ
สโมสรฟุตบอลเชลซีก่อตั้งเมื่อ 10 มีนาคม พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ที่ ผับชื่อเดอะไรซิงซัน ตรงข้ามกับสนามแข่งปัจจุบันบนถนนฟูแลม และได้เข้าร่วมกับลีกฟุตบอลในเวลาต่อมา เชลซีเริ่มมีชื่อเสียงภายหลังจากที่ได้รับชัยชนะใน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 1954–55
ปี 1996 แต่งตั้ง รุด กุลลิท(Ruud Gullit) เป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีม เชลซีสามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ในยุคของกุลลิทนี้
ปี 1997 เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น จิอันลูก้า วิอัลลี่( Gianluca Vialli) โดยเป็นทั้งผู้เล่นและผู้จัดการทีมในช่วงแรก ในยุคของวิอัลลี่นี้สามารถทำทีมได้แชมป์ลีกคัพ และ ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพและสามารถเข้าถึงรอบรอง"ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"ได้เป็นปีทีสองติดต่อกันก่อนที่จะแพ้รีล มายอร์ก้าในปีนั้นทีมที่ได้แชมป์คือ ลาซิโอทีมจากอิตาลีไป ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการจัดการแข่งขัน "ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ"
ปี 2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่ถูกปลดออกจากผู้จัดการทีมและแทนที่ด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี(Claudio Ranieri) เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ในยุคของรานิเอรีนั้น เชลซีมีผลงานติดห้าอันดับแรกของของพรีเมียร์ลีกอย่างสม่ำเสมอ
มิถุนายน ปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ.2003) โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการต่อจากเคน เบตส์(Ken Bates) ในราคา 140 ล้านปอนด์ หลังการเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย เคลาดิโอ รานิเอรีซึ่งเป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้นยังคงได้คุมทีมต่อไป ภายใต้การเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมาย มีการซื้อนักเตะชื่อดังหลายรายเข้ามาเสริมทีมโดยใช้เงินไปอีกมากมายกว่าร้อยล้านปอนด์ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขันเชลซีไม่คว้าแชมป์ใดมาได้เลย สามารถทำอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก และ เข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก เมื่อจบฤดูกาลแรกหลังจากเข้าซื้อกิจการของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ทางทีมจึงได้ปลด เคลาดิโอ รานิเอรี่ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม และได้เซ็นสัญญาให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ( José Mourinho)เป็นผู้จัดการทีมต่อมา
ปี พ.ศ. 2547 (ค.ศ.2004) เปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งสร้างสีสันให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษในสมัยนั้นเป็นอย่างมากกับบทสัมภาษณ์และทัศนะของ มูริญโญ่เอง
ปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกหลังจาก โรมัน อบราโมวิช เข้าซื้อกิจการของสโมสร และครบร้อยปีจากการตั้งสโมสร
ปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอีกครั้งสองสมัยติดต่อกัน
20 กันยายน พ.ศ. 2550 มูรินโญ่ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง หลังจากทำผลงานไม่ดี 3 นัดติดต่อกัน แพ้ แอสตันวิลลา 0-2 เสมอแบล็กเบิร์นโรเวอร์ส 0-0 และไล่ตีเสมอโรเซนบอร์ก 1-1 [2] และเปลี่ยนผู้จัดการทีมเป็น อัฟราม แกรนท์ (Afram Grant)
11 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 สิ้นสุดฤดูกาลแรกของ อัฟราม แกรนท์ ไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ หลังจากรับงาน อัฟราม แกรนท์ พาทีมเชลซีต่อสู้แย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนถึงนัดสุดท้าย แต่ไม่สามารถทำได้โดยนัดสุดท้ายทำได้เพียงเสมอกับ โบลตัน (Bolton)1-1 โดยถูกตีเสมอในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน สิ้นสุดฤดูกาลเชลซีทำแต้มได้ 85 แต้ม โดยแชมป์(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)ทำได้ 87 แต้ม
21 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เข้าชิงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย ในเวลา 120 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องเตะลูกจุดโทษตัดสิน เชลซีแพ้ไป 10-9 ประตู
24 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ผู้บริหารสโมสรมีมติปลดอัฟราม แกรนท์ ออกจากตำแหน่ง
1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง หลุย เฟลิปเป้ สโกลารี่ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 สโกลารี่ทำผลงานได้ไม่ดี หลังจากนำทีมเสมอต่อ ฮัลล์ 1-1 ตามหลังแมนฯ ยูผู้นำอยู่ 7 แต้ม ผู้บริหารสโมสรได้มีมติปลดออกจากตำแหน่ง
12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 มติสโมสรแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือชาวฮอลแลนด์ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยฮิดดิ้งค์จะทำหน้าที่ควบ 2 ตำแหน่ง ทั้งผู้จัดการทีมชาติรัสเซียและผู้จัดการเชลซี และกุส ฮิดดิ้งค์ นี้พาเชลชี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 5 โดยเอาชนะเอฟเวอร์ตันในนัดชิงชนะเลิศ
1 มิถุนายน พ.ศ. 2552 สโมสรเชลซีแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ ขึ้นเป็นกุนซือเชลซีอย่างเป็นทางการ
ปี พ.ศ. 2553 ได้แชมป์พรีเมียร์ชิพ นับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 4
ปี พ.ศ. 2553 คว้า ดับเบิ้ลแชมป์ เป็นครั้งแรก ของสโมสร โดยคว้า แชมป์ พรีเมียร์ลีก และ FA-CUP
22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 คาร์โล อันเชล็อตติ ถูกปลดจากตำแหน่งหลังทำผลงานฤดูกาลที่ 2 ของเขากับเชลซีได้น่าผิดหวัง โดยเชลซีไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย[3]
22 มิถุนายน พ.ศ. 2554 สโมสรประกาศแต่งตั้ง อังเดร วิลลาส-โบอาส โค้ชชาวโปรตุเกสเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่[4]
4 มีนาคม พ.ศ. 2555 อังเดร วิลลาส-โบอาส ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากผลงานไม่ดีตามการคาดหวัง และแต่งตั้งให้ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวจนจบฤดูกาล[5]
5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ผู้จัดการทีมชั่วคราวของเชลซีได้นำทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ได้เป็นสมัยที่ 7 ของสโมสร โดยชนะ สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ไป 2-1 จากลูกยิงของ รามีเรส และ ดร็อกบา[6]
19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เชลซีคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้เป็นสมัยแรก โดยชนะ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ในการดวลจุดโทษไป 4-3 โดยเสมอในเวลา 1-1 ซึ่งเป็นแชมป์ที่สองในฤดูกาล 2011-12 ของเชลซี[7]
21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เชลซีไม่ชนะใครมา 5นัดติดต่อกัน ทั้งในพรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ผู้จัดการทีมของเชลซี จึงถูกปลดออกจากตำแหน่งทันทีหลังจากแพ้ให้กับ สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส ด้วยสกอร์ 3-0 ในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สาเหตุที่ทำให้ถูกปลดอย่างรวดเร็วเนื่องจาก โรมันอับราโมวิช ประธานสโมสร ไม่ชอบสไตล์การทำทีมของ โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ในวันรุ่งขึ้น สโมสรประกาศแต่งตั้ง ราฟาเอล เบนีเตซ โค้ชชาวสเปนเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่[8]
สแตมฟอร์ดบริดจ์ (Stamford Bridge) เป็นสนามฟุตบอลแห่งเดียวของเชลซีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมาตั้งอยู่ในเขตฟูแลม ในลอนดอน โดยเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2420 โดยในช่วง 28 ปีแรกที่เปิดใช้ ได้ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสนามกรีฑาด้วย สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสก็อต จุคนได้กว่า 42,000 คน
ผู้เล่นชุดปัจจุบันหมายเหตุ:
ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
1 GK ปีเตอร์ เช็ค (รองกัปตันทีมที่ 2)
2 DF บรานิสลาฟ อีวานอวิช
3 DF แอชลีย์ โคล
4 DF ดาวิด ลูอีซ
6 MF ออรีโอล โรเมว
7 MF รามีเรส
8 MF แฟรงก์ แลมพาร์ด (รองกัปตันทีม)
9 FW เฟร์นันโด ตอร์เรส
10 MF ควน มาตา
11 MF ออชการ์
12 MF จอห์น โอบี มิเกล
13 FW วิกเตอร์ โมเซส
15 MF ฟลอร็อง มาลูดา
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
17 MF เอแดน อาซาร์
19 DF เปาลู ฟีร์ไรรา
21 MF มาร์โก มาริน
22 GK รอส เทิร์นบูล
24 DF แกรี เคฮิลล์
26 DF จอห์น เทอร์รี (กัปตันทีม)
28 DF เซซาร์ อัซปีลีกูเอตา
29 FW เดมบา บา
30 MF ยอสซี เบนายูน
31 MF กาแอล กากูตา
34 DF ไรอัน เบอร์ทรานด์
40 GK เองรีกี อีราเรียว
ผู้เล่นที่ถูกยืมตัวหมายเหตุ:
ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
5 MF มิคาเอล เอสเซียง (ไป เรอัลมาดริด จนถึง 30 มิถุนายน 2013)
14 MF เควิน เดอ บรุน (ไป แวร์เดอร์ เบรเมน จนถึง 30 มิถุนายน 2013)
18 FW โรเมลู ลูคากู (ไป เวสต์บรอมวิชอัลเบียน จนถึง 30 มิถุนายน 2013)
20 MF จอช แมคเอคราน (ไป มิดเดิลสโบรจ์ จนถึง 31 พฤษภาคม 2013)
27 DF แซม ฮัตชินสัน (ไป นอตติงแฮม ฟอเรสต์ จนถึง 31 พฤษภาคม 2013)
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
29 GK ธีบอต์ กูร์ตัวส์ (ไป อัตเลตีโก มาดริด จนถึง 30 มิถุนายน 2013)
31 MF กาแอล กากูตา (ไป ฟีเทสเซ จนถึง 31 พฤษภาคม 2013)
38 DF ปาทริค ฟาน อานโฮลต์ (ไป ฟีเทสเซ จนถึง 30 มิถุนายน 2013)
43 DF เจฟฟรีย์ บรูมา (ไป ฮัมบูร์ก จนถึง 30 มิถุนายน 2013)
ผู้เล่นชุดสำรองหมายเหตุ:
ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
— GK จามาล แบล็คแมน
— GK แซม วอล์คเกอร์
— DF นาธาเนียล ชาโลบาห์
— DF บิลลี คลิฟฟอร์ด
— DF อาซิซ ดีน-คอนเทห์
— DF ทอดด์ เคน
— DF อาร์เชนจ์ กูมู
— DF ดาเนียล ปาปโปอี
— MF อามิน อัฟเฟน
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
— MF เจมส์ แอชตัน
— MF คอนอร์ คลิฟฟอร์ด
— MF ธอร์แกน อาซาร์
— MF จอร์จ ซาวิล
— FW ปาทริค แบมฟอร์ด
— FW อดัม ฟิลิป
— FW ลูคัส ปีอาซง
— FW ฮอน ปีเรซ
อดีตผู้เล่นที่โด่งดัง
(นับปีที่เข้ามาในสโมสร)
ทศวรรษที่ 1990
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
2 แดน เปเตรสคู
3 แกรม เลอโซ
5 ฟร้องซ์ เลอเบิฟ
11 เดนนิส ไวส์ (อดีตกัปตันทีม)
9 จิอันลูกา วิอัลลี่
25 จิอันฟรังโก้ โซล่า
19 ทอเร อังเดร โฟล
6 มาแซล เดอไซญี่ (อดีตกัปตันทีม)
22 ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซน
36 เจสเปอร์ กรุนชา
9 จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์
16 โรแบร์โต้ ดิ มัทเทโอ
23 คาร์โล คูดิชินี่
ทศวรรษที่ 2000
หมายเหตุ: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่าตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
11 เดเมียน ดัฟฟ์
13 วิลเลียม กัลลาส
16 อาเยน ร็อบเบน
14 เฌเรมี่ เอ็นจิตาป
18 เวย์น บริดจ์
4 โคล้ด มาเกเลเล่
24 ฌอน ไรท์ ฟิลิปส์
10 โจ โคล
13 มิชาเอล บัลลัค
35 ฮูเลียโน เบลเล็ตติ
20 เดโก้
6 ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่
ผู้เล่นที่โด่งดัง2001 - ปัจจุบัน
ชื่อ ตำแหน่ง เล่นให้เชลซี จำนวนครั้ง (ตัวสำรอง) รวม ประตู
จิอันฟรังโก้ โซล่า FW 1996-2003 229 (44) 273 59
จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลเบงค์ FW 2000-2004 136 (17) 153 69
เจสเปอร์ กรุนชา MF 2000-2004 104 (32) 136 7
ไอเดอร์ กุ๊ดจอห์นเซน FW 2000-2006 186 (60) 246 54
ทอเร อังเดร โฟล FW 1997-2001 112 (53) 165 34
มาแซล เดอไซญี่ DF 1998-2004 158 (2) 160 6
คาร์โล คูดิชินี่ GK 1999-2009 142 (4) 146 0
วิลเลียม กัลลาส DF 2001-2006 159 (12) 171 12
เดเมี่ยน ดัฟฟ์ MF 2003-2006 81 (18) 99 14
เฌเรมี่ MF 2003-2007 72 (24) 96 4
โคล้ด มาเกเลเล่ MF 2003-2008 144 (12) 156 2
เวย์น บริดจ์ DF 2003-2009 87(13) 100 1
อาเยน ร็อบเบน MF 2004-2007 67 (16) 83 15
จอห์น ไรท์ ฟิลิปส์ MF 2005-2009 82 (39) 121 4
โจ โคล MF 2003-2010 188 (92) 280 39
มิชาเอล บัลลัค MF 2006-2010 139 (29) 168 26
เบลเล็ตติ DF 2007-2010 54 (25) 79 5
เดโก้ MF 2008-2010 42 (15) 57 6
ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ DF 2004-2010 233 (7) 240 10
แซม ฮันซิมสัน DF 2006-2010 1 (3) 4 0
ผู้เล่นที่ยิงครบ 100 ประตู
พรีเมียร์ลีก-ถ้วยอื่น ๆ
ชื่อ ตำแหน่ง เล่นให้เชลซี จำนวนครั้ง (ตัวสำรอง) รวม ประตู
แฟรงค์ แลมพาร์ด MF 2001-ปัจจุบัน 449 (24) 473 156
ดิดิเยร์ ดร็อกบา FW 2004-2012 209 (48) 257 129
นักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 1967-2010
Year Winner
1967 ปีเตอร์ โบเน็ตติ
1968 ชาร์ลี คุก
1969 เดวิด เว็บ
1970 จอห์น ฮอลลินส
1971 จอห์น ฮอลลินส
1972 เดวิด เว็บ
1973 ปีเตอร์ ออสกู๊ด
1974 แกรี่ ล็อก
1975 ชาร์ลี คุก
1976 เรย์ วิลกินส์
1977 เรย์ วิลกินส์
1978 มิกกี้ ดรอย
Year Winner
1979 ทอมมี่ แลงลี่ย์
1980 ไคล์ วอล์กเกอร์
1981 ปีเตอร์ โบโรต้า
1982 ไมค์ ฟิลเลรี่
1983 โจอี้ โจนส์
1984 แพท เนวิน
1985 เดวิด สปีดี้
1986 เอ็ดดี้ นีดสวิกกี้
1987 แพท เนวิน
1988 โทนี่ โดริโก้
1989 เกรแฮม โรเบิร์ต
1990 เคน มองกู
1991 แอนดี้ ทาวเซ่น
1992 พอล เอลเลียต
1993 แฟรงค์ ซินแคลร์
1994 สตีฟ คลาร์ก
ปี นักเตะยอดเยี่ยม
1995 เออร์แลนด์ จอห์นเซ่น
1996 รุด กุลลิต
1997 มาร์ก ฮิวจส์
1998 เดนนิส ไวซ์
1999 จิอันฟรังโก้ โซล่า
2000 เดนนิส ไวซ์
2001 จอห์น เทอร์รี่
2002 จิอันฟรังโก้ โซล่า
2004 แฟรงค์ แลมพาร์ด
2005 แฟรงค์ แลมพาร์ด
2006 จอห์น เทอร์รี่
2007 มิคาเอล เอสเซียง
2008 โจ โคล
2009 แฟรงค์ แลมพาร์ด
2010 ดิดิเยร์ ดร็อกบา
2011 ปีเตอร์ เช็ค
2012 ควน มาตา
ทำเนียบผู้จัดการทีม
ปี
1933-1939 เลสลี่ ไนท์ตัน
1939-1952 บิลลี่ แบร์เรลล์
1952-1961 เท็ด เดร็ค
1962-1967 ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้
1967-1974 เดฟ เซ็กตัน
1974-1975 รอน ซอวร์ต
1975-1977 เอ็ดดี้ แม็คเครดี้
1977-1978 เคน เชลลิโต้
1978-1979 แดนนี่ บลังค์ฟลาวเวอร์ส
1979-1981 เจฟฟ์ เฮิร์สต์
1981-1985 จอห์น นีล
1985-1988 จอห์น ฮอลลินส์
1988-1991 บ็อบบี้ แคมป์เบลล์
1991-1993 เอียน พอร์เตอร์ฟิลด์
1993 เดวิด เวบบ์
1993-1996 เกล็น ฮอดเดิ้ล
1996-1998 รุด กุลลิท
1998-2000 จิอันลูก้า วิอัลลี่
2000-2004 เคลาดิโอ รานิเอรี่
2004-2007 โชเซ่ มูรินโญ่
2007-2008 อัฟราม แกรนท์
2008-2009 หลุยส์ ฟิลิปเป สโคลารี
2009 กุส ฮิดดิงค์
2009-2011 คาร์โล อันเชลอตติ
2011-2012 อังเดร วิลลาส-โบอาส
2012 โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ[9]
2012-2013 ราฟาเอล เบนีเตซ[10]
สัญลักษณ์ทีม
Cfcpensioner.gif
สัญลักษณ์ช่วง 1905-1952
อดีตทหารเขตเชลซี
Chelsea-history3.jpg
สัญลักษณ์ช่วง 1952-1953
Chelsea's old badge.jpg
สัญลักษณ์ช่วง 1953-1986
Chelseaoldcrest.gif
สัญลักษณ์ช่วง 1986-2005
สัญลักษณ์ช่วง 2006-ปัจจุบัน
ผลงาน
แชมป์ ดิวิชั่น 1 เดิม กับ เอฟเอ พรีเมียร์ลีก: 4 ครั้ง
1955, 2005, 2006, 2010
ฟุตบอลลีกดิวิชั่นสอง: 2 ครั้ง
1984, 1989
เอฟเอคัพ: 7 ครั้ง
1970, 1997, 2000, 2007, 2009, 2010, 2012[11]
ลีกคัพ: 4 ครั้ง
1965, 1998, 2005, 2007
คอมมูนิตีชิลด์ (เดิมคือ ชาริตีชิลด์)
1955, 2000, 2005, 2009
ฟูลล์ เมมเบอร์ส' คัพ
1986, 1990
ยูฟ่า คัพวินเนอร์สคัพ
1971, 1998
ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
1998
เอฟเอ ยูธ คัพ
1960, 1961, 2008, 2010
รองแชมป์ฟุตบอลเอฟเอคัพ
1951, 1997, 1994
แชมป์ (มะกิตะ/อัมโบร โทรฟี่)
1994, 1997
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
แชมป์ 2012
รอบรองชนะเลิศ 2004, 2005, 2007, 2009
รองแชมป์ 2008
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
รองแชมป์ 2012
เวิลด์ ฟุตบอล ชาลเลนจ์
2009
สถิติ
สถิติผู้ชมสูงสุด : ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ นัดพบกับอาร์เซน่อล ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 1958 มีผู้ชมเข้ามาชมถึง 182,905 คน
สถิติผู้ชมน้อยที่สุด : ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ นัดที่พบกับ ลินคอล์น ซิตี้ ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1906 มีผู้ชมเพียง 110 คน
สถิติชนะสูงสุด : ในนัดพบกับ จิวเนส ฮัทคาเรจ ซึ่งถูกพวกเขาถลุงไปถึง 13-0 ในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1971
สถิติชนะสูงสุด : ในนัดพบกับ วีแกน แอดแลนติก ซึ่งถูกพวกเขาถลุงไปถึง 8-0 ในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ 2010
สถิติแพ้สูงสุด : ในนัดพบกับ วูล์ฟแฮมตัน วันเดอร์เรอร์ส ที่อัดพวกเขาไป 8-1 ในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1953
ผู้เล่นในลีกสูงสุด : รอนแฮร์ริส, 655 นัด, 1962-80
สถิติซื้อนักเตะค่าตัวแพงที่สุด : 50 ล้านปอนด์, เฟร์นานโด ตอร์เรส จาก ลิเวอร์พูล, กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011
สถิติขายนักเตะแพงที่สุด : 23 ล้านปอนด์, อาร์เยน ร็อบเบน ไป เรอัลมาดริด, สิงหาคม ค.ศ. 2007
นักเตะที่ทำประตูรวมสูงสุดใน 1 ฤดูกาล :ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา , 37 ประตู , 2009-2010
นักเตะที่ทำประตูรวมสูงสุดในช่วงที่อยู่กับเชลซี : แฟรงค์ แลมพาร์ด, 156 ประตู, 2010
ยิงประตูรวมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก : 103 ประตู, 2010
แหล่งข้อมูลอื่น
chelseafc.com เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (อังกฤษ)
Chelsea FC - Premier League site
Chelsea Formations
Chelsea FC News
Chelsea FC Team News from Carling
History of Chelsea badges
All Chelsea's competitive results and League tables
เว็บไซต์แฟนคลับในเมืองไทย
chelsea.in.th
chelseafc.in.th
fanchelsea.com
chelseasiam.com
chelsea96.com - The Chelsea Supporters Thailand Since:1996
อ้างอิง
^ "TEAM HISTORY – INTRODUCTION". Chelsea F.C. Website. http://www.chelseafc.com/page/TeamHistory/0,,10268,00.html. เรียกข้อมูลเมื่อ 11 May 2011.
^ Mourinho sacked after Chelsea crisis meeting
^ Carlo Ancelotti is sacked as Chelsea manager
^ VILLAS-BOAS APPOINTED
^ โค้ชพรีเมียร์รุมสงสาร เชลซีปลดโบอาส ! จากข่าวสด
^ [1]
^ [2]
^ ปลดโรแบร์โต ดิ มัตเตโอ หลังจากไม่ชนะมา 5นัดติด! จากไทยรัฐ
^ โค้ชพรีเมียร์รุมสงสาร เชลซีปลดโบอาส ! จากข่าวสด
^ ตามคาด!เชลซีตั้งราฟาคุมบังเหียนจนจบซีซั่นนี้ จากสยามสปอร์ต
^ สิงห์เชือดหงส์ซิวแชมป์เอฟเอ จากผู้จัดการออนไลน์
เยอะไปนะคะ^^
ตอบลบ